เราใช้คุ๊กกี้บนเว็บไซต์ของเรา กรุณาอ่านและยอมรับ นโยบายความเป็นส่วนตัว เพื่อใช้บริการเว็บไซต์ ไม่ยอมรับ
Fantastic Beasts and where to Find Them “สัตว์มหัศจรรย์ที่ว่าอันตราย ยังไม่สู้มนุษย์ หรือแท้จริงแล้ว มนุษย์คือสัตว์ที่อันตรายที่สุด”Darawan Jatupipatpong
Fantastic Beasts and where to Find Them “สัตว์มหัศจรรย์ที่ว่าอันตราย ยังไม่สู้มนุษย์"(สปอยด์)
  • สัตว์มหัศจรรย์ที่ว่าอันตราย ยังไม่สู้มนุษย์หรือแท้จริงแล้วมนุษย์คือสัตว์ที่อันตรายที่สุด”

    เหล่าพ่อมด แม่มดกำลังหาข้อสรุปถึงเหตุการณ์ประหลาดที่เกิดขึ้นนั้นคือสิ่งที่พวกเขากำลังกังวลถึงการถูกเปิดโปงซึ่งฐานะ “ผู้วเศษน์”ที่อาจลุกลามกลายเป็น สงครามระหว่างพวกเขา และมนุษย์ 


    “สัตว์ทุกผู้ต้องการถิ่นที่อยู่ ต้องการมชีวิตรอด และไร้ซึ่งการคุกคาม”


    มนุษย์เองหวาดกลัวต่อสิ่งแปลกประหลาด ที่อธิบายไม่ได้ “พลังวิเศษณ์ เวทย์มนต์”
    คือสิ่งที่เขากลัว และต่อต้าน เหตุการณ์ล่า พ่อมดแม่มดจึงอาจใช้อธิบายได้ดีถึงความหวาดกลัว ต่อการคุกคามของผู้ที่มีอำนาจเหนือกว่าก็เพราะต้องการถิ่นที่อยู่ ต้องการมชีวิตรอด และไร้ซึ่งการคุกคาม

     

    พ่อมดแม่มด หวาดกลัวมนุษย์ แม้ว่าจะมีซึ่งพลังวิเศษณ์ ต้องหลบซ่อน ไม่เปิดเผยเฝ้าระวังการเปิดโปงตัวเอง เพื่อป้องกันการเกิดสงคราม สิ่งใดก็ตามที่เสี่ยงต่อการเปิดโปงตัวตนต้องกำจัดทิ้ง แม้ว่าสิ่งนั้นจะเป็นสิ่งมีชีวิตทีต้องการความปลอดภัยด้วยเช่นกัน 


    “อย่าทำร้ายสัตว์ของผมพวกมันไม่มีอันตราย” 

    คงอธิบายได้ว่าพ่อหมด แม่มดกลัวสัตว์มหัศจรรย์มากเพียงใด ไม่ใช่เพราะจะทำร้ายตนเองแต่เพราะกลัวว่ามันเป็นอันตรายต่อมนุษย์ จนทำให้พวกเขาถูกเปิดโปง และสงครามคงเริ่มขึ้น

     

    แล้วพวกสัตว์ละไม่ต้องการถิ่นที่อยู่ ไม่ต้องการมีชีวิตรอด อย่างนั้นหรือ พวกมันคงพูดไม่ได้ ถึงความต้องการมีเพียงคนที่เข้าใจมัน เท่านั้นแหละที่พอจะพูดแทนมันได้ ว่าพวกมันไม่ได้อันตรายพวกมันก็ต้องการชีวิตที่อยู่รอดเท่านั้นเช่นกัน

     

    เปิดโลกเวทย์มนต์อีกครั้งกับภาพยนตร์แนวแฟนตาซี ผจญภัย ของนักเขียนมีชื่อการันตรีอย่าง 
     J.K. Rowling ที่เคยเปิดโลกเวทย์มนตร์ประสบความสำเร็จไปแล้วทั่วโลก ให้ผู้ชมได้ร่วมผจญภัย
    ไปกับหนังสือและภาพยนต์ Harry Potter และการกลับมาครั้งนี้คงต้องพูดว่า
    “ขอต้อนรับสู่โลกเวทย์มนต์ปี1920 ก่อน Harry Potter เกิด 70 ปี !"
    ที่ว่าดัวยเรื่องราวของ นิวตันอาร์ทีมีส ไฟโด สคาแมนเดอร์ หรือ นิวท์ สคามันเดอร์
    ที่เดินทางจากอังกฤษ มายังนิวยอร์คพร้อมกับกระเป๋าที่เต็มไปด้วยสัตว์มหัศจรรย์ ที่ ณ ที่แห่งนี้คือสิ่งต้องห้ามเด็ดขาด นิวท์ เป็นพ่อมดที่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับสัตว์
    เขาพยามที่จะดูแลมันและต้องการทำให้คนอื่นๆ เข้าใจมันด้วย

    “มันไม่ได้อันตรายนะอย่าทำร้ายมัน”
    “ผมต้องการเขียนหนังสือเพื่อให้พวกเขารู้ว่ามันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด”

    นั้นคือสิ่งที่ นิวท์ พยายามทำและทำสำเร็จในเวลาต่อมา จนกลายเป็นหนังสือเรียนให้กับ Harry Potter ในอีก70 ปีต่อมา และนี่คือความมหัศจรรย์ของ J.K. Rowlingที่แน่นอนว่าการผจญภัยในโลกของเวทย์มนต์คงมีต่อไปไม่รู้จบแน่นอน โลกของ Harryเป็นแค่ส่วนหนึ่งของโลกที่ J.K. Rowling เนรมิตขึ้นเท่านั้น

    ภาพยนตร์แนวแฟนตาซี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น มหัศจรรย์แค่ไหน คนดูอย่างเรารับได้หมดเพราะนั้นคือโลกแห่งจินตนาการที่เราสัมผัสได้ จินตนาการต่อได้อย่างไม่รู้จบ ไม่ต้องบรรจงถึงความเป็นจริงให้วุ่นวายใจ คนดูจะยอมรับความเป็นไปได้เหมือนหนังแนวอื่นให้วุ่นวายใจ แต่ถึงอย่างนั้นการใส่รายละเอียด มิติของความรู้สึกการเป็นไปในวิถีชีวิต ยังคงมีให้เห็นพอให้เราสัมผัสถึงการเชื่อมโยงต่อโลกความเป็นจริงไม่น้อย

    สัตว์ทุกผู้กระหายซึ่งอำนาจ ความทารุณการระบาย ปลดปล่อย การยอมรับ การปกป้อง และท้ายที่สุด ต้องการที่ยืนในสังคมไม่ว่าจะเป็นสัตว์ มนุษย์ หรือพ่อมด แม่มด ล้วนมีสิ่งเหล่านี้ปะปนกันไปไม่มีใครอยากโดนทำร้ายกดขี่ทารุณไปตลอดชีวิต สักวันต้องได้รับอิสระไม่มีใครอยากอยู่ในที่แคบ สักวันต้องได้อยู่ในที่ๆกว้างและอิสระไม่มีใครอยากโดนดูถูก สักวันคนที่ดูถูกจะต้องยอมรับไม่มีใครอยากที่จะหลบซ่อนตัวตนไปตลอดชวิต สักวันต้องเปิดเผยตัวตนออกแม่ แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดที่เป็นไปตามที่ว่าบางคนขอแค่อยู่อย่างสงบ ไร้การคุกคามก็พอ แม้ว่าต้องหลบซ่อนตัวตนก็ตามเหมือนที่เหล่าผู้วิเศษณ์พยายามๆที่จะปกปิดตัวตน เพื่อไม่ให้เกิดความวุ่นวายอันตราย และสงคราม นั้นคือสิ่งที่ซ่อนอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้


    แต่แล้วความวุ่นวายก็เกิดขึ้น เมื่อสัตว์วิเศษณืบางตัวหลุดอกจากกระเป๋า ไปสู่โลกภายนอกในช่วงเวลาที่เกิดเหตุการณ์ร้ายต่อมนุษย์มีปรศนาดำมืดที่ไม่อาจสรุปได้ว่าเป็นการกระทำของใคร นั้นจึงเป็นความผิดของนิวท์ที่ถือกระเป๋าพร้อมสัตว์วิเศษณ์เข้ามาในช่วงเวลาที่ได้จังหวะพอดีและนั้นคือสิ่งที่เขาจะต้องจัดการและพิสูจน์ให้ได้ว่าสัตว์ของเขาไม่ได้เป็นอันตราย และไม่ได้ทำเรื่องเลวร้ายแน่นอน

    สุดท้ายเรื่องราวต่าง ๆ คลี่คลายลงแน่นอนว่าสาเหตุของเหตุร้ายทั้งหมดไม่ใช่สัว์ของนิวท์แต่เป็นสัตว์ที่เรียกว่าพลังแฝง ที่เป็นด้านมืดในตัวเด็กผู้วิเศษณ์ที่ต้องปิดกลั้น ซ่อนพลังและตัวตนของตนเอง จนท้ายที่สุดกลายเป็นพลังอำนาจด้านมืดที่ยากจะควบคุม และต้องการปลดปล่อย หวังเพียงได้หลุดจากการถูกกดขี่นั้นและแน่นอนว่าผู้กดขี่เด็กเหล่านั้น ก็คือมนุษย์ ทำต้องทำสิ่งแย่ๆ เพียงเพราะต้องการปลดปล่อยต้องการอิสระ


    จุดคลายแมกซ์ของภาพนต์เรื่องนี้ ที่ทำให้ฉันรู้สึกว่ามันคือเรื่องที่น่าเสียดายเสียดายกับโอกาสที่มันเกือบจะไปได้ดีมันเป็นเรื่องสะเทือนใจเล็กน้อยที่เหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับเด็ก หนังส่วนใหญเด็กสตรีมักรอดและได้รับการอภัย เมื่อทำผิด แต่เรื่องนี้ไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อทำผิด ไม่ว่าด้วยเหตุผลได้ต้องรับผิดชอบแอบรู้สึกเสียใจที่เด็กคนนึงต้องจบชีวิตลง แม้ว่าเกือบได้รับโอกาสในการอยู่รอดและได้รับการช่วยเหลือ แต่อย่างที่บอกเหตุผลย่อมมี “ไม่ว่าด้วยเหตุผลได้ต้องรับผิดชอบ”มันอาจไม่ยุติธรรมเสียเท่าไหร่ แต่พอรับได้ เพราะหากปล่อยไปคงเกิดเรื่องอันตรายมากกว่าที่เป็น”แต่เชื่อนะว่าเด็กที่ว่าต้องอยู่รอด เพราะมีสัญญะเล็กๆ ในหนังที่บอกมาเช่นนั้นเปลวควันสีดำที่ลอยออกไป แสดงว่าคำยังอยู่หรือเปล่า คงต้องรอลุ้นในภาคหน้า

    มาดูที่ ภาพ เสียง สี เอฟเฟกส์เอาว่าเรื่องขององค์ประกอบโดยรวมกันบ้าง ในส่วนนี้ส่วนตัวหาจุดของคำว่าไม่เนียนไม่เจอ เอฟเฟกต่างๆ ทำให้เราเชื่อว่ามีโลกเวทย์มนต์จริงๆเก็บรายละอียดเล็กๆ อย่างขนนกที่เงาแวววับเป็นประกายสีทองหรือรายะเอียดของการเคลื่อนไหวของวัตถุต่างๆ เมื่อใช้เวทยมนต์ ยังทำได้ตระการตาน่าตื่นเต้นเช่นเคย สมกับการรอคอย และสมกับหนังแนวแฟนตาซี การจัดแสง สีองค์ประกอบต่างถูกทำให้เราเชื่อว่า อยู่ในยุคก่อน Harry Potter จริงๆ มุมกล้องที่ใช้มีทั้งให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่ในช่วงที่แสดงถึงสัตว์มหัศจรรย์ ที่ไม่ได้แสดงว่าขนาดมันใหญ่เท่านั้นนะแต่มันยังแสดงถึงภาระที่ใหญ่หนักอึ้งของมันในการลบความจำของคนทั้งเมืองก็ใช้มุมกล้องมุมต่ำให้เรารู้สึกได้อย่างนั้นจริงๆ


    กับเวลากว่า 130นาทีในการชมบอกได้เลยว่าไม่ผิดหวังกับการเปิดโลกเวทย์มนต์ฉบับใหม่ที่ขยายอาณาจักรมายังฝั่งอเมริกา มีครบรสอารมณ์ ทั้งละทึก ตื่นเต้น ตลก เศร้าและแอบมีสยองเล็กๆ มีจุดที่เดาได้สุดท้ายก็หักมุมเรียกได้ว่ามีอะไรให้ลุ้นตลอดเวลา ของการเปิดโลกของสัตว์มหัศจรรย์ และถิ่นที่อยู่ แต่สุดท้ายแล้วก็จบลงด้วยบทสรุปที่หวานซึ้งทุกอย่างเป็นไปตามเหตุผลที่มันควรจะเป็น พูดง่ายๆ ก็จบแบบแฮปปี้ ปริศนาทุกอย่างคลี่คลายและแน่นอนว่าเป็นการปูทางสำหรับภาคต่อไปอย่างแน่นอน

    สุดท้ายแล้วหนังต้องการจะบอกอะไรแก่เราคงไม่ใช่แค่ตอบว่าสนุก สำหรับฉันหลังจากดูเรื่องนี้ มันทำให้เรานึกถึงสัตว์ในโลกความเป็นจริง และมนุษย์กับการกระทำ ที่มันเกิดขึ้น มันทำให้ฉันตั้งคำถามว่า

    “หรือแท้จริงแล้ว มนุษย์คือสัตว์ที่อันตรายที่สุด”


เข้าสู่ระบบเพื่อแสดงความคิดเห็น

Log in